เมื่อไม่นานมานี้อยู่ดีๆ เราก็ได้ยินเรื่องราวของมหาเศรษฐีที่ไม่มีใครรู้จักจากสเปนว่าเขาเป็นผู้ที่ร่ำรวยมากที่สุดในยุโรป มีมูลค่า แซงหน้า Berkshire Hathaway ของ Warren Buffett ไปอีก สุทธิแล้วมากกว่า 65 พันล้านเหรียญฯ

เขาคนนั้นคือ Amancio Ortega ผู้ก่อตั้ง Zara เจ้าของสมญานาม “changing retail forever.”

 Amancio Ortega ผู้ก่อตั้ง Zara

ทำไม Zara ถึงประสบความสำเร็จ?

หลายคนบอกว่าเพราะพวกเขาเป็น Fast Fashion และยังเป็นนักก็อปแบรนด์ระดับท็อปหลายแบรนด์ แต่ใครจะรู้ว่าทั้งหมดนั้นมันกลายเป็นแค่องค์ประกอบย่อย เพราะยอดขายและแบรนด์รอยัลตี้ที่ลูกค้ามีต่อ Zara นั้นเกิดจากกลยุทธ์ที่ชาญฉลาดและการตลาดที่เหนือกว่าคู่แข่งทั้ง H&M, Forever 21 และ Topshop ทุกแบรนด์ที่กล่าวมาล้วนเป็น Fast Fashion หมด แต่ทำไมพวกเขาไม่ประสบความสำเร็จเท่าล่ะ?

นั่นเป็นเพราะ Zara ไม่ได้ประสบความสำเร็จเพราะ Fast Fashion แต่เป็น Smart Fashion ที่เหมาะกับความต้องการและทางเลือกของลูกค้า ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลนั้นเรียกว่า ‘Integrator’

Zara ใช้กลยุทธ์ Integrator ใน Business Model โดยให้ Inditex ที่เป็นบริษัทแม่ควบคุมการผลิตทั้งหมดตั้งแต่จนจบ เช่น การหาวัตถุดิบในการผลิต การกระจายสินค้า ครบวงจร เป็นต้น การควบคุมแบบนี้ช่วยทำให้บริษัทสามารถคาดการณ์ความต้องการของตลาดและกระบวนการจัดการสต๊อกสินค้าได้ทั้งหมด หากสินค้าขายดีหรือขายไม่ดีก็สามารถเพิ่มกระบวนการผลิตหรือลดได้เลย เป็นหลีกเลี่ยงความล่าช้าที่อาจจะเกิดขึ้นจากซัพพลายเออร์ อีกทั้งยังทำให้บริษัทได้ปรับปรุงประสิทธิภาพสินค้าให้มีคุณภาพ สามารถควบคุมการใช้งานทรัพยากรของบริษัทได้ ลดค่าใช้จ่ายต่างๆ อีกด้วย

ด้วยการวาง Business Model ของ Zara แบบนี้จึงเป็นธุรกิจที่มีการจัดการบริหารได้เป็นอย่างดี เพื่อตอบสนองลูกค้าและกำหนดมาตรฐาน สำหรับคุณภาพสินค้าภายในอุตสาหกรรมได้อย่างอยู่มัด กลยุทธ์พื้นฐานสองประการที่ทำให้ Zara เป็น Fast Fashion เหนือคู่แข่งไม่ใช่เพราะ Fast Fashion แต่เพราะการวาง Business Model ที่เหนือกว่าทั้ง H&M, Forever 21 และ Topshop ด้วยการ สต๊อกสินค้าน้อยลงและอัปเดตคอลเล็กชันของบ่อยๆ

กลยุทธ์ Integrator ควบคุมการผลิตทั้งหมดตั้งแต่จนจบ

ZARA ตัดสินใจจะไม่ผลิตสินค้าในแถบเอเชีย ขณะที่แบรนด์อื่นย้ายฐานการผลิตมาแถบนี้เหมาะ เพราะจะทำให้เสียค่าขนส่งและเสียเวลาเป็นอย่างยิ่ง ZARA เลยเลือกที่จะผลิตสินค้าในสเปนรวมถึงประเทศอื่นๆ ในแถบยุโรป ทำให้ ZARA สามารถควบคุมการผลิตได้เร็ว ถ้าหากความต้องการของลูกค้าเปลี่ยนไป ZARA ยังสามารถโชว์สินค้าคอเล็คชั่นใหม่ๆ ได้อย่างทัน โดยไม่ต้องเสียเวลาไปกับการขนส่งสินค้า สามารถกระจายสินค้าไปยังร้านต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วและทันกระแส ในขณะที่แบรนด์อื่นๆ นั้นมักจะผลิตสินค้าจากประเทศจีนเพื่อต้นทุนราคาที่ถูกกว่า แต่ก็เสียเวลามากกว่า ZARA ในการขนส่งสินค้า รวมถึงระยะเวลาในการควบคุมการผลิต การทำธุรกิจแบบนี้ทำให้ได้กำไรสูง แต่ผู้ประกอบการที่จะใช้ Business Model เดียวกันแบบนี้จะต้องเข้าใจระบบการผลิตทั้งหมดของบริษัทตัวเอง เพื่อลดความเสี่ยงในเรื่องที่ไม่เชี่ยวชาญ