โดย ดร.โดม อุดมธิปก ไพรเกษตร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดิจิทัล บิสิเนส คอนซัลท์ จำกัด
เมื่อวานนี้เราคุยกันในประเด็
นเรื่องของเทศกาลตรุษจีน ถึงการการเตรียมตัวว่าจะต้ องทำอย่างไรบ้าง วันนี้ (13 ก.พ.)เรากลับมาคุยกันต่ อในรายการ SME CHAMPION ทางคลื่น FM. 89.5 สถานีวิทยุราชมงคล ธัญบุรี ซึ่งคราวที่แล้วเราคุยกันว่าทุ กคนจะเอาเรื่องออนไลน์เข้ามาเชื่ อมในช่วงเทศกาลใช่มั้ย ก็อยากเรียนว่าวันนี้ผมไปทำธุ
รกรรมที่หน้าตู้เอทีเอ็ มของธนาคารกรุงไทย ปรากกฎว่ามีการเอาเรื่องของตรุ ษจีนมาเล่น เป็นการให้สแกน QR code เล่นกับอั่งเปาบนตู้เอทีเอ็ มของทางกรุงไทย แต่ผมไม่ได้ทำจริง ๆ ก็น่าจะทดลองนะ ผมกำลังจะบอกว่าเทรนด์
ของการทำตลาดปัจจุบันนี้ พยายามเอาเรื่องของอีเว้นท์ที่ มันเกิดขึ้นแต่ละช่วงเวลา แล้วก็เอาเรื่องของดิจิตอลเข้ าไปเชื่อมต่อเพราะว่าดิจิตอลมั นสามารถเก็บข้อมูลของลูกค้าได้ เก็บได้ว่าใครสนใจอีเว้นท์ แบบไหนอย่างไร รู้พฤติกรรม รู้ที่อยู่ของลูกค้า รู้เพศ รู้ข้อมูลเยอะแยะไปหมด ซึ่งในอดีตมันใช้เวลาในการเก็บ แล้วก็ต้นทุนในแง่ของการเก็บก็
ค่อนข้างมากแต่เดี๋ยวนี้ง่ ายไปหมด แล้วการที่มีข้อมูลเยอะๆ มันถึงได้มีอาชีพใหม่เกิดขึ้ นที่เขาเรียกว่า “Data Science” ก็คือเป็นนักวิทยาการข้อมูล เอาข้อมูลมาวิเคราะห์มาสั งเคราะห์ มาแปลให้เป็นวัตถุดิบที่ เอามาใช้ได้ใช้ย่อยได้ ซึ่งคนที่จะเรียนเป็นอาชีพนี้ต้
องมีความรู้ความเข้าใจทางด้านวิ ทยาศาสตร์ คือเหมือนวิศวกรเข้าใจเรื่ องโปรแกรมเมอร์ได้ รวมถึงการเขียนโปรแกรมแล้วก็มี ความรู้ทางด้านสถิติ ถ้ามีความรู้ความเข้าใจเรื่ องของบริหารธุรกิจด้วยจะดี มันจะเป็นอาชีพใหม่ที่ตอนนี้ก็ เริ่มมีแล้ว อยากเรียนให้ทราบต่อว่าคนที่มี
พื้นฐานทางด้านบริหารธุรกิจถ้ ามีหัวทางด้านพวกไอที เข้าไปเรียนรู้เรื่องไอทีเพิ่ม ยิ่งถ้าหัวมาทางด้านไอที พวกโปรแกรมเมอร์ด้วยถ้าเรียนรู้ เรื่องธุรกิจได้ หรือพวกสถิติได้ก็จะได้เปรียบ ซึ่งอาชีพที่ว่านี้มันต้องทำเป็ นทีม เพียงแต่ว่าคนที่มีมุมมอง 3 มุมมองอย่างนี้ในตัวเองมันจะได้ เปรียบ เพราะว่าถ้าได้ด้านใดด้านหนึ่
งมันจะไม่รู้ความสามารถของข้อมู ลที่มันมีอยู่ที่มันเป็นรูปแบบ Big Data คุณจะเอาไปใช้ยังไงเพราะว่าข้ อมูลในรูปแบบที่มันเป็น Big Data มันไม่ได้เก็บข้อมูลในรูปแบบเดิ มที่มีระเบียบ มันเก็บข้อมูลในลักษณะไม่มี ระเบียบ หมายความว่ายังไงขอยกตัวอย่ างเช่นสมมติเราได้ข้อมูลของตรุ ษจีนจากแอพฯ ในขณะเดียวกันลูกค้าเข้ามาโดยผ่
านทาง Facebook เราได้ข้อมูลบางส่วนจาก Facebook เราได้ข้อมูลบางส่วนจาก Google เราได้ข้อมูลบางส่วนจากแอพฯ แล้ วก็ตัว Database เดิมทีเขาเป็นลูกค้าเป็นสมาชิ กเรา ข้อมูลทั้งหมดมันถูกผสมผสานกั นแล้วมาประมวลผล มันไม่ได้จัดเรียงข้อมูลในรู ปแบบเดิมที่เราเข้าใจ อันนี้มันเลยต้องใช้คนที่มี ความรู้ความเข้าใจตรงนี้ในระดั บที่เอาไปวิเคราะห์สังเคราะห์ ได้จะต้องมีความรู้ 3 ทาง แต่เวลาใช้งานมันอาจจะไปใช้ คนใดคนหนึ่งที่มีความเชี่ ยวชาญในแต่ละด้าน แต่คนที่จะบริหารจริง ๆต้องรู้ 3 เรื่องนี้ เก่งด้านใดด้านหนึ่งได้ แต่ต้องรู้ 3 เรื่องนี้ครับก็คือ บริหารธุรกิจ สถิติแล้วก็ โปรแกรม ในเมืองไทยเราตอนนี้มีเปิ
ดสอนระดับปริญญาโทที่นิด้า คณะสถิติประยุกต์ ต้องบอกว่าน่าเรียนมาก คือแฝงอยู่ในสาขาสถิติแต่ กระบวนการจัดการก็คือเอาทุ กศาสตร์มารวมกัน ดูรายวิชาแล้วโอ้โหถ้าย้อนกลั บไป 20 ปีได้ผมจะไปเรียนถือว่าน่ าสนใจมาก “อย่างผมนี่ผมขาดเรื่
องโปรแกรมเมอร์อย่างเดียว เรื่องสถิติ เรื่องบริหารผมได้ พอเข้าใจเรื่องโปรแกรมได้เล็กน้ อย ผมเคยไปนั่งเรียนแล้วไม่ ไหวสมองเรายังไปไม่ได้แต่ก็ บอกอาจารย์เขาว่าถ้ามันมีหลักสู ตรระยะสั้นก็จะไปเรียน” จริง ๆ แล้วตอนนี้ผมใช้ข้อมูลพวกนี้
อยู่แต่ว่าเราใช้ในฐานะที่เป็ นนักบริหาร คือเราไม่รู้ว่าข้อมูลมันมาได้ เก็บยังไง เอาง่าย ๆ เราใช้ข้อมูลอย่าง Facebook Audience Insights ซึ่ง Facebook จะเก็บข้อมูลของประชากรบน Facebook ทั้งหมด เก็บทั้งในแง่ของ Bio Data ที่เรากรอกเข้าไป เก็บจากในแง่ของตั วเวลาเราไปกดไลท์ คอมเม้น แชร์นะครับ ทั้งโพสต์ของเพื่อน ทั้งเพจที่มีการแชร์มาหรื อพวกเพจหรือสปอนเซอร์แล้ วเราไปกด Facebook ประมวลผลทั้งหมด อยู่ในเครื่องมือที่เรียกว่า Facebook Audience Insights ต้องเรียนว่าข้อมูลมันดีมากเลย เราจะรู้เลยว่าเดือนนี้กุมภาพั
นธ์มีคนเกิดกี่คน จังหวัดไหน ช่วงอายุเท่าไหร่ แปลว่าถ้ายิงโฆษณายิงตรงได้เลย รู้ว่าคนที่สนใจงานวันวาเลนไทม์ กี่คน คนที่กำลังเดินทางไปพัทยา ไปเชียงใหม่เท่าไหร่ รู้จุดที่ผมยืนอยู่ตรงนี้ที่
เซนทรัล ลาดพร้าว รู้ว่าในรัศมีผมประมาณ 5 เมตรมีคนสนใจสินค้าบริการอะไร น่าสนใจมั้ยล่ะ อันนี้เป็น Big Data ที่ผู้บริหารหรือนั กการตลาดเอาข้อมูลมาใช้ ไม่ต้องรู้เรื่องโปรแกรมใช่มั้ย ไม่ต้องรู้เรื่องสถิติก็ได้แต่ มีความเข้าใจมันนะ ผมคิดว่ามันเป็นศาสตร์แบบที่วั นนี้ทุกคนควรรู้ อย่างไรก็ตามทางผู้ดำเนิ
นรายการระบุว่าเรื่อง Big Data ในช่วง 1-2 ปีเคยบูมกันมากแต่ตอนนี้เหมื อนเงียบ ๆ กันไปขออยากเรียนว่าตอนนี้มั นอยู่ในบริษัทขนาดใหญ่ รัฐบาลหน่วยงานรัฐ รัฐวิสาหกิจ บริษัทมหาชน พวกนี้ลงทุนเรื่องพวกนี้หมด หรือแม้แต่บริษัทอสังหาริมทรั พย์ทั้งหมด หลายคนอาจจะบอกเอ้ยบริษัทอสั งหาริมทรัพย์มาลงทุนเรื่องพวกนี้ ทำไม เพราะว่ามันจะดีไซน์บ้านให้ลู กค้า ถ้าเข้าใจเรื่องพวกนี้มันจะดี ไซน์ได้ รู้ความต้องการ รู้พฤติกรรมของลูกค้าก็เอา Big Data เข้ามา แล้วอีกอย่างหนึ่งคืออุปกรณ์
ในบ้านเดี๋ยวนี้มันสามารถดีไซต์ ในลักษณะที่เป็นการเอาคอนเซ็ ปเรื่องของ Internet of think เข้าไปใช้ได้ พอเอาไปใช้ปุ๊บมันก็จะเก็บข้อมู ลลูกค้าไม่ใช่เก็บแค่ตอนซื้อแต่ เก็บตอนเข้าไปอยู่ด้วย ทีนี้พอเก็บตอนไปอยู่แปลว่าอะไร แปลว่าตัวเจ้าของหมู่บ้านนั้ นแทนที่จะขายของให้เราครั้งเดี ยว กลายเป็นขายของให้เราต่อเนื่ องได้
