อยากรู้วิธีเริ่มต้นทำธุรกิจออนไลน์อย่าช้า พบกับขั้นตอนที่ไม่มีใครเคยเปิดเผย เพื่อดึงดูดให้คนเข้าเว็บไซต์ให้มากที่สุดก่อนจะเปลี่ยนเป็นลูกค้า ผ่าน 7 ขั้นตอน

How to การเริ่มต้น ‘ทำธุรกิจ ออนไลน์’ (ตอนที่ 2)
อยากรู้วิธีเริ่มต้น ทำธุรกิจ ออนไลน์ อย่าช้า พบกับขั้นตอนที่ไม่มีใครเคยเปิดเผย
นี่คือบทความที่ต่อเนื่องมาจาก How to การเริ่มต้น ทำธุรกิจ ออนไลน์ (ตอนที่ 1) ที่ได้เริ่มต้นเล่าเรื่องราวของขั้นตอนการทำธุรกิจออนไลน์ เพื่อดึงดูดให้คนเข้าเว็บไซต์ให้มากที่สุดก่อนจะเปลี่ยนพวกเขาให้กลายเป็นลูกค้า ผ่าน 7 ขั้นตอน
- ตามหาความต้องการและเติมเต็ม (Find a need and fill it.)
- ทำคอนเทนต์โปรโมทสินค้า (Write copy that sells.)
- ออกแบบเว็บไซต์ให้ใช้งานง่ายต่อผู้ข้าชม (Design and build an easy-to-use website.)
- ต้อนคนให้เข้าเว็บไซต์ด้วย search engines (Use search engines to drive traffic to your site.)
- ทำตัวคุณเองให้กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญ (Establish an expert reputation for yourself.)
- เพิ่มปุ่ม Subscribe อีเมลบนเว็บไซต์ของคุณ เพื่อให้พวกเขารับข่าวสารโปรโมชันอยู่เสมอ (Follow up with your customers and subscribers with email.)
- กระตุ้นการขายด้วยการเสนอขายอีก (Increase your income through back-end sales and upselling.)
โดยในบทความแรกนั้น เราได้เล่า Step ที่ 1 ถึง Step ที่ 3 ไปแล้ว ตั้งแต่ตามหาความต้องการของลูกค้าเพื่อนำสินค้าไปเติมเต็ม แทนที่จะเริ่มต้นจากสินค้าก่อนแล้วค่อยหาตลาดมารองรับ จากนั้นเข้าสู่การทำโปรโมทเพื่อให้ลูกค้าเชื่อ สู่การทำเว็บไซต์ ทำให้ในตอนที่ 2 นี้เราจะมาอธิบายต่อใน Step ที่ 4 ถึง Step ที่ 7
Step 4: Use search engines to drive targeted buyers to your site.
เราจะรู้กันดีว่า การโฆษณาแบบ Pay-per-click (PPC) บน Google AdWords คือวิธีที่ง่ายที่สุดในการเพิ่มคนเข้าเว็บไซต์ด้วยคีย์เวิร์ด เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายเวลาใช้คีย์เวิร์ดที่เราเก็งไว้ค้นหาจะได้เจอเว็บไซต์ไปปรากฏอยู่ด้านสุดบนการค้นหา
นอกจากใช้โฆษณาแล้ว หากคุณมีหน้าร้านจริงๆ เราแนะนำให้คุณปักหมุดบนแผนที่
เพราะการปักหมุดจะทำให้คุณอยู่บนหน้าแรกของการค้นหาแบบที่ไม่ต้องซื้อโฆษณาเลยยังไงล่ะ
Step 5: Establish an expert reputation for yourself.
ทำตัวคุณเองให้กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญก็คือการให้ข้อมูลต่างๆ เพื่อให้คุณสามารถดึงคนเข้ามายังเว็บไซต์หรือมี Engagement บน Social Media โดยการเขียนบทความ ตอบคำถาม ให้คำแนะนำต่างๆ ซึ่งสิ่งเหล่านี้คือการสร้างความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์ได้ยังทรงอิทธิพลมากๆ ทีเดียว จนทำให้หลายแบรนด์ต่างก็ทำสิ่งที่เรียกว่า ‘Content’ ยังไงล่ะ
ที่สำคัญที่สุดก็คือ การทำ Content จะเป็นการเพิ่มคนอ่านเข้ามายังเว็บไซต์ เท่ากับว่าเป็นการเพิ่มอันดับบนหน้าแรกของ Search Engine นั่นเอง
Step 6: Use the power of email marketing to turn visitors into buyers.
เพิ่มปุ่ม Subscribe อีเมลบนเว็บไซต์ของคุณ เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายรับข่าวสารโปรโมชันอยู่เสมอ และยังเป็นการกระตุ้นเรื่องของการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์และลูกค้า ซึ่ง E-Mail Marketing มีต้นทุนการทำไม่สูงเท่ากับการโฆษณารูปแบบอีก อีกทั้งยังตรงกลุ่มเป้าหมายอีกด้วย
ซึ่งการ Subscribe ด้วย E-Mail จะช่วยให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำหรือคนที่สนใจรับข่าวสารจากคุณให้มาเป็นลูกค้าในอนาคต
Step 7: Increase your income through back-end sales and upselling.
“ให้รางวัลแก่ลูกค้าของคุณสำหรับความภักดีของพวกเขาและพวกเขาจะกลายเป็นภักดีมากขึ้น” ซึ่งช่องทางที่ดีที่สุดก็คือ E-Mail นี่แหละ
รู้ไหมว่า 36% ของลูกค้าที่ซื้อสินค้าจากคุณไปแล้ว จะกลับมาซื้ออีกถ้าผู้ขายยังส่งข่าวสาร นี่จึงเป็นสิ่งจำเป็นที่ทำให้คุณต้องมีช่องให้ Subscribe โดยอีเมลมาร์เก็ตติ้งจากข้อ Step ที่ 6
ดังนั้นการใช้สร้างโอกาสทางการขายด้วยอีเมลจะได้เปรียบอย่างมาก โดยรูปแบบที่ได้ผลก็คือ
- การแนะนำสินค้าใหม่ที่ช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้นเมื่อใช้ร่วมกับสินค้าเดิม
- ส่งการ์ดหรืออีเมลขอบคุณ
- แจกคูปองส่วนลดหรือโปรโมชันสุด Exclusive
ความเป็นจริงก็คือโลกอินเทอร์เน็ตเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วจนเทียบได้ว่าเวลาในออนไลน์หนึ่งปีเท่ากับประมาณห้าปีในโลกแห่งความเป็นจริง แต่หลักการของการเริ่มต้นและเติบโตของธุรกิจออนไลน์ที่ประสบความสำเร็จนั้นไม่ได้เปลี่ยนแปลงเลย เพียงแค่ทบทวนขั้นตอน 7 ขั้นนี้ ทบทวนหรือทำผิดไปจากนี้