สวัสดีครับเมื่อวานเราคุยกันในประเด็นเรื่องของ “วีดีโอมาร์เก็ตติ้ง” ผ่านรายการSME CHAMPION ทางคลื่น 89.5 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ธัญบุรี คงทำให้หลาย ๆคนได้ความรู้ในการนำไปต่อยอดธุรกิจได้ไม่มากก็น้อยนะครับ วันนี้ (3 เม.ย.) เรากลับมาคุยกันต่อในประเด็นต่อเนื่องจากเมื่อวานนั่นคือเรื่องของวีดีโอกับคำถามที่ว่าจำเป็นหรือไม่ที่ต้องใช้วีดีโอในการโฆษณาสินค้าหรือบริการ

“วีดีโอมาร์เก็ตติ้ง”ใช้อย่างไรถึงตอบโจทย์ธุรกิจ
โดย ดร.โดม อุดมธิปก ไพรเกษตร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดิจิทัล บิสิเนส คอนซัลท์ จำกัด สวัสดีครับเมื่อวานเราคุยกันในประเด็นเรื่องของ “วีดีโอมาร์เก็ตติ้ง” ผ่านรายการSME CHAMPION ทางคลื่น 89.5 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ธัญบุรี คงทำให้หลาย ๆคนได้ความรู้ในการนำไปต่อยอดธุรกิจได้ไม่มากก็น้อยนะครับ วันนี้ (3 เม.ย.) เรากลับมาคุยกันต่อในประเด็นต่อเนื่องจากเมื่อวานนั่นคือเรื่องของวีดีโอกับคำถามที่ว่าจำเป็นหรือไม่ที่ต้องใช้วีดีโอในการโฆษณาสินค้าหรือบริการ
ผมก็อยากจะเรียนอย่างนี้ครับว่า สำหรับโซเชียลมีเดียตอนนี้วีดีโอได้รับการยอมรับมากขึ้น อันนี้ต้องเข้าใจว่ามันขึ้นอยู่กับพื้นฐานของการใช้โซเชียลมีเดียของเราด้วยกับตัว Device เนื่องจากตัว Device คือตัวมือถือปัจจุบันนี้มันเป็นสมาร์ทโฟนหมด มันสามารถเล่นวีดีโอผ่านมือถือได้ อันที่สองก็คือว่าแพ็คเกจอินเตอร์เน็ตตอนนี้มันถูกแล้วก็ได้ตัว Bandwidth ได้จำนวนดาต้าที่ใช้มากขึ้น
เพราะฉะนั้นการดูวีดีโอผ่านมือถือตอนอยู่นอกบ้านก็สะดวกสบาย สามารถดูได้ตลอดเวลา หลาย ๆหน่วยงานหลาย ๆโอปอเรเตอร์ก็ออกแพ็คเกจดูเฟสบุ๊ค ดูยูทูป ดูไลน์ฟรี หมายถึงว่าถ้าเราดูวีดีโอผ่านยูทูป ดูวีดีโอผ่านไลน์ด้วย แล้วก็ดูวีดีโอผ่านเฟสบุ๊คมันกินตัวดาต้า เหมือนแพ็คเกจเราจ่ายแค่ประมาณ 100 กว่าบาทก็ดูไปเถอะ ฉะนั้นพอมีคนดูวีดีโอเยอะการทำวีดีโอมันก็มีโอกาสที่จะมีคนดูเยอะนะครับ
เพราะฉะนั้นต้องบอกว่าถ้าทำได้ให้ทำ ทีนี้หลาย ๆ คนที่เป็นผู้ประกอบการเอสเอ็มอีก็มักจะคิดเรื่องการทำวีดีโอในแง่มุมของความซับซ้อนคือตอนไลท์สดไม่เป็นไร เราก็จะเห็นพ่อค้าแม่ค้าทำไลท์สดเยอะ ถูกมั้ยครับ เอากล้องมาถ่ายตัวเองแล้วก็พูด มีท่าทางประกอบการขายสินค้าก็ว่ากันไป แต่แบบนั้นถามว่ามันทำได้พักหนึ่งคนก็เบื่อ คนก็ไม่สนใจใช่มั้ยครับ
แต่สิ่งที่เรากำลังพูดถึงเรื่องของวีดีโอมาร์เก็ตติ้งก็คือเป็นเรื่องการผลิตวีดีโอไม่ใช่เรื่องของการไลท์สด เป็นเรื่องของการผลิตวีดีโอแล้วใช้วีดีโอนั้นเป็นเครื่องมือในแง่ของการสื่อสารตามวัตถุประสงค์ของเรา เช่นเราต้องการใช้มันในเรื่องของการเล่าเรื่องให้คนรู้จักสินค้าเราเพื่ออธิบายคุณสมบัติ เพื่อใช้ในเรื่องของการสร้างแบรนด์หรือเพื่อใช้ในการที่จะเพิ่มยอดขายขายสินค้า แต่ละตัวมันก็มีวัตถุประสงค์แต่ละอย่าง
ทีนี้ประเด็นอย่างที่เราคุยกันเมื่อวานว่าถ้าต้องการฟีดแบ็คเร็วก็ต้องใช้เฟสบุ๊ค แต่ถ้าอะไรที่มันเป็นระยะยาวใช้ยูทูป แล้วก็ทำวีดีโอครั้งหนึ่งก็ใช้มันหลาย ๆ แฟลตฟอร์มเอาตัวเฟสบุ๊คเป็นหลัก ยูทูปเป็นรอง แล้วก็ทวิตเตอร์กับไอจีก็เอาไว้ก่อนก็ได้ยังไม่ต้องซีเรียส เพราะลูกค้าของเราถ้ามันยังไม่ได้อยู่ในไอจีกับอยู่ในทวิตเตอร์ก็ไม่เป็นไร ผู้ประกอบการหลายคนที่เราเคยคุยกันไว้เราก็แนะนำว่าควรจะมีไลน์แอตถูกมั้ยครับ มีไลน์แอตก็เอาวีดีโอไปปล่อยเพื่อให้ลูกค้าดู
มันก็มีคำถามว่าบางคนบอกว่าการทำวีดีโอไม่รู้จะทำยังไง อยากเรียนว่าจริง ๆ เมื่อวานที่เราคุยกันก็คือว่าไม่ต้องยาว ถ้าเป็นวีดีโอทั่ว ๆ ไปไม่ใช่วีดีโอที่เป็นสาระความรู้ สาระความรู้คุณทอร์คกันไปเถอะ 20-30 นาทีแบบที่เราทอร์คกันอยู่นี่ แต่ถ้าเป็นวีดีโอที่มันจะแนะนำคุณสมบัติสินค้าหรืออะไรต่าง ๆ ผมคิดว่ามันต้องเริ่มต้นก่อนว่าวัตถุประสงค์ของเราคืออะไร อย่างที่ผมเคยไปเป็นกรรมการตัดสินรางวัลให้กับโอทอปที่เขาผลิตวีดีโอ ดีที่สุดคือเล่าเรื่องตัวเอง เล่าเรื่องผลิตภัณฑ์ตัวเอง เล่าเรื่องตัวเองว่าทำไมตัวเองถึงอยากทำผลิตภัณฑ์นี้ ผลิตภัณฑ์ของเราแตกต่างจากของคนอื่นยังไง มีคุณสมบัติอยางไร ใครเป็นคนที่เหมาะที่จะใช้มัน
ทีนี้เวลาจะทำวีดีโอก็ไม่จำเป็นต้องทำบ่อย คือเวลาเราพูดถึงวีดีโอไม่ใช่แบบโอ้โหคอนเทนท์ทั้งหมดในเฟสบุ๊คเราเป็นวีดีโอหมด ทำเป็นวีดีโอทุกวัน วันหนึ่ง 10 -20 -30 เรื่องไม่ใช่ ในแง่ของการทำคอนเทนท์ก็ยังจำเป็นต้องผสมผสานกันในหลากหลายรูปแบบ เพียงแต่ว่าให้ความสำคัญกับเรื่องวีดีโอมากขึ้น แล้วก็ถ้าทำวีดีโอผสมผสานกับการซื้อโปรโมตมันก็จะทำให้เข้าถึงลูกค้า ได้ต้นทุนที่ต่ำกว่าการเขียนเป็น Text อย่างเดียวหรือเป็น Text บวกรูป หรือเป็นพวกอินโฟกราฟฟิกอย่างเดียว อย่างนี้นะครับ
ถามว่าแล้วต้องทำแบบมืออาชีพหรือไม่ อยากเรียนว่าไม่จำเป็นก็เอามือถือนี่แหละแล้วในมือถือปัจจุบันนี้ทั้งไอโอเอส แอนดรอยส์ก็มีฟรีโปรแกรมนะ ฟรีแอพฯในแง่การตัดต่อวีดีโออย่างง่ายมีอยู่ในเครื่องมือพวกนี้อยู่แล้ว ซึ่งผู้ประกอบการสนใจก็เข้ากูเกิลแล้วก็ Search แอพฯสำหรับแอนดรอยส์ แอพฯสำหรับไอโอเอส แอพฯใช้ในการตัดต่อคือไม่ต้องไปใช้ภาษาอังกฤษใช้ภาษาไทย Search เลยในกูเกิล แล้วเดี๋ยวก็จะมีคนรีวิวข้อดีของวันนี้ แล้วรีวิวพวกนี้มันไปอยู่ในยูทูปเพราะฉะนั้นบนยูทูปก็จะมีการรีวิว การทำการตลาดเทคนิคโน่นนี่นั่นเยอะแยะไปหมดสำหรับรายละเอียดนะ
คือเราทำรายการวิทยุเราไม่สามารถบอกละเอียดได้ไง บางคนก็นึกไม่ออก แต่ถ้าคนฟังรายการสนใจปุ๊บเข้ากูเกิล Search เลย เราก็ไปฝึกทำตามขั้นตอนเหล่านั้น แล้วสิ่งที่สำคัญคืออย่าไปกังวลว่าเดี๋ยวคนบอกว่าไม่สวย ไม่ดี ไม่ชอบ ทำเลยครับทำก่อนเลยเดี๋ยวฟีดแบคจากลูกค้าบอกเราเอง
เพราะเราเป็นเอสเอ็มอีต้องเข้าใจว่าต้นทุนของเราต่ำ หมายถึงว่าเราไม่ต้องมีในแง่ของตัวแบรนดิ้งมากำกับว่าต้องสีแบบนี้ โลโก้แบบนี้อันนั้นยังอีกระยะหนึ่งนะครับ เพราะฉะนั้นทำคอนเท้นท์วีดีโอแบบง่าย ๆ ลองโพสต์ดูก่อนว่าลูกค้าชอบหรือไม่ชอบ รีวิวสินค้าตัวเอง หรือถ้าตัวเองเป็นคนพูดไม่เก่งก็ใช้วิธีไปสัมภาษณ์คนอื่น สัมภาษณ์ลูกค้าที่เคยซื้อของเราทีนี้ถ้าเราขายของออนไลน์เราไม่เคยเจอลูกค้าโดยตรงก็ใช้วิธีบันทึกเทปบันทึกวีดีโอผ่านมือถือนี่แหละ ขอเวลาสัมภาษณ์นิดหนึ่งพี่ช่วยบอกหน่อยว่าทำไมถึงซื้อสินค้าผม หรือชอบสินค้าผมเพราะอะไร
คือง่าย ประเด็นคือถ้าลูกค้าชอบเราจริง หรือไม่งั้นก็หาคนที่รู้จัก ถ้าเราเป็นคนพูดไม่เก่งก็ให้คนอื่นพูดแทนแล้วบางครั้งการทำวีดีโอก็ไม่จำเป็นต้องเห็นหน้าเราถูกมั้ยครับ เราก็ถ่ายวีดีโอสินค้ากระบวนการผลิตของเรา แต่จริง ๆ แล้วผู้ประกอบการหลายท่านต้องเข้าใจว่าวันนี้เด็กรุ่นใหม่เก่งเยอะ ให้เด็กรุ่นใหม่ทำให้ก็ได้ ค่าจ้างเป็นหลักร้อยเอง เพราะเด็กรุ่นใหม่ที่เรียนในระดับมัธยมก็ทำคลิปวีดีโอเป็นแล้ว หลาย ๆ โรงเรียนมีการสอนการทำคลิปวีดีโอตั้งแต่ในระดับมัธยมต้น ฉะนั้นเด็กกลุ่มนี้มีความคิดสร้างสรรค์ มีไอเดียนะครับ คุยกับเด็กแล้วให้เด็กลองทำคลิปมาให้ดูแล้วมาลองโพสต์ สิ่งที่สำคัญคือต้องทดลองทำครับ ในแบบตัวตนของเรา